วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ

 คำทำนายที่เคยมีช้านานนัก
เริ่มประจักษ์ให้เห็นเร้นไม่ได้
 หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยทำนาย
 เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา
ประเทศชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง
น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า
 พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา
 เป็นประชาจนเต็มพระนคร
ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน
 ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร
ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร
องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน
ชาวประชาจะปิติยิ้มสดใส
แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น
 จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน
เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา
จะมีการต่อตีกันกลางเมือง
 ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า
 คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา
 ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร
ข้าราชการตงฉินถูกประนาม
 สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้
เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป
 โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี
 ประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว
ถ้วนทุกทั่วจะหมุดขุดรูหนี
ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี
เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน
พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ
มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ
เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน
พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย
แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก
 เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย
เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย
เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน
 ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช
ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น
ทั้งพฤฒาอาจารย์ลือระบิล
จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม
 ความระทมจะถมทับนับเทวศ
 ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม
คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม
ส่วนคนชั่วหัวร่อร่าทำท่าดัง
 จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว
 ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
 ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง
สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ
 ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม
 หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป
เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา
 คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น
 แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
 ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา
 ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ




รูป คนกู้ชาติ
โดย: คนกู้ชาติ


http://talk.mthai.com/topic/111991
http://board.palungjit.com

อมร, อมร
ความหมาย

[อะมอน, อะมอนระ, อะมะระ]
 น. ผู้ไม่ตาย, เทวดา. ว. ไม่ตาย, ไม่เสื่อมสูญ, ยั่งยืน. (ป., ส.).
http://guru.sanook.com/dictionary/dict_royals/?source_page=2&source_location=1&spell=%CD%C1%C3&x=4&y=9

ผ่อง
ผ่อง ๑
ความหมาย

ว. ปลั่ง, ปราศจากมลทิน, ไม่ขุ่นมัว, เช่น ผิวผ่อง หน้าผ่อง ขาวผ่อง.
ผ่อง ๒
ความหมาย

ก. ออกเสียงร้องว่า 'ผ่อง' เมื่อเปิดไพ่ขึ้นมาเข้าตอง เป็นคําใช้ในการเล่นไพ่ผ่องไทยหรือจีน.

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ศาสนาพุทธคือศาสนาของความเสรีและการปล่อยวาง

ยุทธวิธีในการปล่อยวาง
2 สิงหาคม 2550 16:44 น.

ปล่อยวาง หมายความว่าความไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่ติด ไม่หลง ไม่เกาะเกี่ยวในสิ่งใด คือ จิตเราที่ไม่ไปผูกติดกับทิฐิใด เรื่องใด สิ่งใด เหตุการณ์ใด อันจะนำให้จิตของเรานั้นหนักหน่วงกับมัน ไม่มีที่สิ้นสุด
ฉะนั้น การปล่อยวางจึงเป็นการปฏิบัติที่นำไปสู่ความสุขขั้นสุดยอด จิตเราจะอิสรเสรีอย่างยิ่ง สอดคล้องกับพระไตรปิฎกที่ว่า สัพเพธัมมานาลังอภินิเวสายะ" ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
การปฏิบัติศีลย่อมเป็นฐานของปัญญาหากเราผิดศีล จะทำให้เราด่างพร้อย ศีลเป็นตัวกำกับกาย วาจา และศีล ส่งผลถึงใจให้มีการปล่อยวาง ไม่ปล่อยปละละเลย
ในทางพุทธศาสนาชาวพุทธจงเข้าถึง "สามไตร" คือ๑.ไตรสรณคมณ์ - พระพุทธพระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งของเรา ๒.ไตรสิกขาศีลสมาธิ ปํญญา ขยายไปสู่สัมมาอริยมรรคองค์ ๘ และ ๓.ไตรลักษณ์อนิจจังทุกขัง อนัตตา เห็นความไม่เที่ยงของกิเลส ความไม่เที่ยงของสิ่งต่างๆ ทั้งภายนอก และภายในจะได้ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรมากนัก
สิ่งที่ไม่ควรละเลยอย่างยิ่งคือ ท่านจะต้องเริ่มต้นที่ศีล และต้องมีปัญญากำกับด้วยว่าเรามีอินทรีย์ พละ อยู่ในระดับไหน และเราควรจะสมาทานศีลในระดับใด เช่น เรามีอินทรีย์พละอยู่ในระดับศีล ๕ เราก็สมาทานศีล๕ หากเราข้ามไประดับศีล๘ ก็จะกลายเป็นเตี้ยอุ้มค่อมผอมอุ้มอ้วน แขนด้วนอุ้มแขนดี มันเกินกำลัง หากกำลังเรามีอยู่ในระดับศีล๘ แต่เราสมาทานศีล๕ ก็เหมือนกับรถยนต์ที่กำลังแรงมากแต่เอามาวิ่งช้า ก็ใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ คนที่กำลังอยู่ในระดับสูง แต่กลับทำอยู่ในระดับต่ำต่อไปๆ มันจะไม่มีปีติเพียงพอที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้า แล้วต่อไปจะต่ำลง
ถ้าเราปฏิบัติธรรมแล้วต้องปฏิบัติให้ยิ่งๆขึ้นไป ถ้าหยุดจมนิ่งอยู่กับที่ก็จะเสื่อม ในพระไตรปิฎก กล่าวว่า "อภิตถะเรถะ กัลยาเณ ปาปาจิตตัง นิวาระเย ทันทังหิกระระโตปุญยัง ปาปัสสะมิงระมะตีมะโน"

พึงรีบเร่งกระทำความดีและพึงห้ามจิต เสียจากความชั่ว เพราะถ้าเราทำความดีช้าไป ใจจะยินดีในความชั่ว ท่านจันทร์
--------------
ที่มา:คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/2007/08/0...news_id=129524
http://board.palungjit.com/f14/%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%87-85971.html
__________________

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

คำทำนาย 10 รัชกาล(จากยุคทมิฬ ถึง ยุค ชาวศิวิไลซ์ )

  1. มหากาฬ
  2. พาลยักษ์
  3. รักมิตร
  4. สนิทธรรม
  5. จำแขนขาด
  6. ราษฎร์จน
  7. ชนร้องทุกข์
  8. ยุคทมิฬ
  9. ถิ่นกาขาว
  10. ชาววิไล

































































....................................
20พาลยักษ์ ชาววิไล
21พาลยักษ์  มหากาฬ
22พาลยักษ์ พาลยักษ์
23พาลยักษ์ รักมิตร
24พาลยักษ์ สนิทธรรม
25พาลยักษ์ จำแขนขาด
26พาลยักษ์ ราษฎร์จน
27    พาลยักษ์               ชนร้องทุกข์
28 พาลยักษ์ ยุคทมิฬ
29 พาลยักษ์ ถิ่นกาขาว
30 รักมิตร ชาววิไล

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

“The Human Side”

ไอน์สไตน์ ได้กล่าวถึงพุทธศาสนาว่าเป็นศาสนาแห่งสากลจักรวาล รองรับได้กับความต้องการของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ โดยในช่วง 1 ปีก่อนที่ไอน์สไตน์จะจากโลกนี้ไป มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน ได้ตีพิมพ์งานเขียนชิ้นหนึ่งของเขาชื่อเรื่อง “The Human Side” มีเนื้อหาดังนี้

"…ศาสนาในอนาคตจะเป็นศาสนาแห่งสากลจักรวาล เป็นศาสนาที่ข้ามพ้นความเชื่อที่เป็นตัวเป็นตนของพระเจ้า และหลีกเลี่ยงความเชื่อที่ศรัทธาแบบหัวรุนแรงโดยไม่พิสูจน์ และเรื่องความสัมพันธ์ของพระเจ้ากับโลกมนุษย์ แต่จะเป็นศาสนาที่ครอบคลุมทั้งเรื่องธรรมชาติและจิตวิญญาณ โดยมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกทางศาสนาที่มาจากประสบการณ์ที่ได้ประสบกับสรรพสิ่ง ทั้งจากธรรมชาติและจิตวิญญาณ ด้วยนัยความหมายที่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งพระพุทธศาสนาสามารถให้คำตอบในสิ่งที่พรรณนามาดังกล่าว ถ้าจะมีศาสนาใดที่รองรับได้กับความต้องการของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ศาสนานั้นก็คือ พระพุทธศาสนา…."

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คำทำนายความฝัน 16 ประการ

ความฝัน ๑๖ ประการ ของพระเจ้าปเสนทิโกศล


ครั้งหนึ่ง ในกาลที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรายังทรงพระชนม์อยู่ พระเจ้าปเสน
ทิโกศล พระราชาแห่งแคว้นโกศล ทรงบรรทมหลับในเวลาราตรีทรงฝันเห็นนิมิต
ยืดยาวถึง ๑๖ ข้อ ทรงตกพระทัยตื่นขึ้นในกลางดึก เกิดความหวาดกลัวต่อมรณภัยแล้วก็ไม่
สามารถข่มพระเนตรหลับได้อีกจนรุ่งเช้า เมื่อพวกพราหมณ์ปุโรหิตเข้าเฝ้าในวันรุ่งขึ้นจึงทรงเล่าความฝันนั้นให้ฟังแล้วทรงถามว่า จะเกิดอะไร
ขึ้นพวกท่านช่วยทำนายให้ทีเถิด พวกพราหมณ์ปุโรหิตฟังแล้วก็มืด ๘ ด้าน ไม่รู้ถึงผลที่จะเกิดขึ้นแต่อย่างใด แต่
จะบอกว่าไม่รู้ก็ไม่ได้จึงทำท่าสลัดมือแสดงอาการหวาดกลัว พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงตรัสถามว่า


“ดีหรือร้ายอย่างไร เพราะเหตุไร พวกท่านจึงพากันสลดมือเล่า พวกพราหมณ์ “ข้าแต่มหาราชเจ้า พระสุบินร้ายกาจนัก” ทรงรับสั่งถามว่า "จะมีผลอย่างไรหรือ” พวกพราหมณ์ “จะเกิดเหตุร้าย ๓ อย่าง

๑. อันตรายต่อราชสมบัติ ๒. โรคร้ายจะเกิดขึ้น ๓. อันตรายต่อพระชนม์ อย่างใดอย่างหนึ่งพระเจ้าข้า”    

พระราชา “จะพอแก้ไขได้ อย่างไรหรือไม่”

         พวกพราหมณ์      “ขอเดชะ พระสุบินร้ายแรงนัก หมดทางแก้ไขแน่แท้ 

            
                                       แต่ก็พอมีทางที่จะผ่อนหนักเป็นเบาได้พระเจ้าข้า”

          พระราชา               “จะทำอย่างไรเล่า ถึงจะพอแก้ไขได้”    

          พวกพราหมณ์       “ข้าแต่มหาราชเจ้า ต้องบูชายัญด้วยข้าวของทุกอย่าง 
            
                                          และสัตว์ทุกชนิด ชุดละ ๔  พระเจ้าข้า”

          พระราชา               “ท่านอาจารย์ ถ้าอย่างนั้น เราของฝากชีวิตไว้กับพวกท่าน พวกท่านรีบทำการแก้ไขโดยเร็วเถิด”พวกพราหมณ์ต่างพากันดีใจว่า คราวนี้พวกเรา

   
                                          รวยแน่ แล้วก็ได้พูดปลอบพระราชาว่า “ขอพระองค์อย่าทรงวิตกไปเลย 
   
                                          พวกข้าพระองค์จะจัดการทุกอย่าให้เรียบร้อยโดยเร็ว” 

    พากันออกจากพระราชนิเวศน์ทำการรวบรวมข้าวของ และสัตว์สองเท้า สี่เท้ารวมทั้งฝูงนกเป็น

   
   จำนวนมากเอาไว้ เตรียมขุดหลุมบูชายัญไว้นอกพระนครมากมาย พระนางมัลลิกา 

   
   ผู้เป็นอัครมเหสีทรงทราบเหตุนั้น จึงทรงเข้าเฝ้าพระราชากราบทูลถามว่า 
   
   “ข้าแต่มหาราชเจ้า พวกพราหมณ์พากันเดินขวักไขว่ไปมา เกิดอะไรขึ้นหรือ” 

   พระราชา   “เราฝันร้าย พวกพราหมณ์ทำนายว่าจะเกิดเหตุร้าย ๓ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อ

   
   บำบัดเหตุร้ายเหล่านั้นจะต้องบูชายัญ จึงเที่ยวเดินจัดเตรียมสิ่งของอยู่”

 



พระนางมัลลิกา “ข้าแต่มหาราชเจ้า ผู้ที่เป็นสุดยอดพราหมณ์ในโลกนี้ พร้อมทั้งเทวโลก

พระองค์
ได้ทรงทูลถามถึงวิธีแก้ไขพระสุบินนั้นแล้วหรือ” พระราชา “นางผู้เจริญ ก็ใครเล่า เป็นสุดยอดพราหมณ์ในโลกพร้อมทั้งเทวโลก”


 




พระนางมัลลิกา
“พระองค์ไม่ทรงรู้จักมหาพราหมณ์โคดม ผู้บริสุทธิ์ ปราศจาก

กิเลส เป็นสัพพัญญู เป็นบุคคลผู้เลิศในโลกพร้อมทั้งเทวโลกหรือ ขอพระองค์เสด็จ

ไปถามเถิด”




พระราชาทรงรับสั่งว่า
“เราลืมไป เทวี” แล้วได้เสด็จไปสู่พระวิหารพร้อมด้วย

พระเทวีและพวกราชบุรุษ ถวายบังคมพระบรมศาสดาแล้วประทับนั่งอยู่



พระบรมศาสดาตรัสถามว่า
“มหาบพิตร เพราะเหตุไรพระองค์จึงรีบเสด็จมา

ดูราวกับว่าทรงมีราชกิจเร่งด่วน”



พระราชา
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อใกล้รุ่ง หม่อมฉันฝันเห็นนิมิต ๑๖ อย่าง

จึงเล่าให้พวกพราหมณ์ฟังแล้วก็ทรงเล่าเรื่องราวทั้งหมดจนถึงการบูชายัญ
ที่
พวกพราหมณ์กำลังจัดเตรียมอยู่ในขณะนั้นให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบ

ได้ตรัสสรรเสริญพระบรมศาสดาว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์เป็นบุคคล

ผู้เลิศในโลกพร้อมทั้งเทวโลก ทรงรู้เหตุทั้งที่เป็นไปในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต

เหตุที่ไม่ทรงรู้ไม่มีเลย ขอพระองค์ทรงทำนายความฝันของหม่อมฉันด้วยเถิดพระเจ้าข้า”



พระบรมศาสดา
“ขอถวายพระพร พระองค์ตรัสถูกต้องแล้ว ผู้อื่นที่จะรู้ผลของความ

ฝันนี้ไม่มีเลย เราจะทำนายให้ ขอพระองค์ทรงเล่าความฝันนั้นตามที่ทรงนิมิตเห็นเถิด”





ความฝันข้อที่ ๑



พระราชา
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันฝันว่า โคตัวผู้มีสีเหมือนดอกอัญชัน ๔

ตัว คิดว่าจะชนกัน ต่างวิ่งมาสู่ท้องพระลานหลวงจากทิศทั้ง ๔ มหาชนต่างก็พากันมามุง

ดูโคชนกัน แต่โคก็ไม่ชนกันสักที ได้แต่ขู่คำรามแล้วก็ถอยกลับไป”




พระบรมศาสดา
“มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะยังไม่เกิดในสมัยของพระองค์

และในยุคที่ยังมีศาสนาของเรา แต่ในอนาคตเมื่อโลก ถึงยุคเสื่อมในรัชสมัยของ

พระราชากำพร้าผู้ไม่ครองราชย์โดยธรรม กุศลกรรมน้อยลง อกุศลกรรมหนาแน่นขึ้น

ในกาลที่โลกเสื่อมลง จะเกิดฝนแล้ง ข้าวกล้าจะเหี่ยวแห้ง หาอาหารได้ยาก



เมฆตั้งขึ้นจากทิศทั้ง ๔ เหมือนจะทำให้ฝนตก พวกผู้หญิงรีบเก็บข้าวเปลือก

ที่ผึ่งแดดไว้ พวกผู้ชายพากันถือจอบถือตะกร้าออกไปก่อคันกั้นน้ำ ฟ้าก็ร้อง

กระหึ่มเหมือนฝนจะตก แต่ก็ไม่ตก เมฆลอยหายไป เหมือนโคจะชนกันแต่ก็ไม่ชน




ไม่มีอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่มหาบพิตรแต่อย่างใด นิมิตที่ทรงฝันนั้น เนื่องถึงเหตุ

ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนพวกพราหมณ์ต้องการทรัพย์เครื่องเลี้ยงชีพจึงทำนาย

อย่างนั้น จงตรัสเล่าความฝันข้อที่ ๒ เถิดมหาบพิตร





ความฝันข้อที่ ๒



พระราชา
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันฝันว่า ต้นไม้ และก่อไผ่เล็กๆ งอก

ขึ้นมาจากแผ่นดินได้คืบหนึ่งบ้าง ศอกหนึ่งบ้าง ก็ผลิดอกออกผลไปตามๆ กัน จะ

มีผลเป็นอย่างไรหรือพระเจ้าข้า”



พระบรมศาสดา
“มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะมีในยุคที่โลกเสื่อม มนุษย์มีอายุ

น้อย สัตว์ทั้งหลายจะมีราคะกล้า เด็กผู้หญิงยังโตไม่เต็มวัย จะสมสู่กับชาย จะมีระดู

และตั้งครรภ์คลอดลูกกันตั้งแต่ยังเล็ก เหมือนต้นไม้เล็กๆ ก็มีผลแล้ว ไม่มีภัยใดๆ

เกิดแก่มหาบพิตรเพราะความฝันนี้ จงตรัสเล่าข้อที่ ๓ ต่อไปเถิด”





ความฝันข้อที่ ๓



พระราชา
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้เห็นแม่โคตัวใหญ่ๆ พากันดื่มนม

ของฝูงลูกโคที่เกิดในวันนั้น ความฝันข้อที่ ๓ นี้จะมีผลเป็นอย่างไร พระเจ้าข้า”



พระบรมศาสดา
“มหาบพิตร แม้ผลของความฝันนี้ก็จะมีในอนาคตเช่นกัน

ในอนาคต ผู้คนจะไม่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ไม่เคารพยำเกรงในมารดาบิดา ในแม่ยาย

พ่อตา หาเลี้ยงชีพด้วยตัวเองได้แล้ว ปรารถนาจะให้ของกินของใช้แก่พวกคนแก่ ก็ให้

ไม่ปรารถนาก็ไม่ให้ พวกคนแก่คนเฒ่า หากินเองไม่ได้ก็ต้องง้อพวกเด็กๆ เลี้ยงชีพ

เหมือนแม่โคใหญ่ๆ พากันดื่มนมลูกโคที่เกิดในวันนั้น”





ความฝันข้อที่ ๔



พระราชา
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันฝันเห็นคนทั้งหลายไม่ใช้โคตัวโตๆ

ที่มีกำลังซึ่งเคยลากเกวียนไปได้เทียมเกวียน กลับพากันใช้โครุ่นที่กำลังฝึกเทียมแทน

โครุ่นลากเกวียนไปไม่ไหวก็สลัดแอกหยุดยืนอยู่เฉยๆ ฝันข้อที่ ๔ นี้จะมีผลเป็นอย่าง

ไรพระเจ้าข้า”



พระบรมศาสดา
“มหาบพิตร แม้ผลของความฝันนี้ก็จะมีในอนาคต ในสมัย

ของพระราชาผู้มีบุญน้อย ไม่ตั้งอยู่ในธรรมพระองค์จะไม่พระราชทานยศให้แก่

อำมาตย์ผู้เป็นบัณฑิต ฉลาดในราชกิจทั้งปวง แต่พระราชทานให้แก่คนหนุ่มๆ

พวกคนหนุ่มๆ ไม่ฉลาด ไม่เข้าใจราชประเพณี ไม่สามารถทำราชกิจให้สำเร็จได้จึง

พากันทอดธุระเสีย เป็นเหมือนการที่คนจับโครุ่น มีกำลังน้อยมาเทียมเกวียน เมื่อ

ลากเกวียนไม่ไหวก็ยืนอยู่เฉยๆ เชิญพระองค์ตรัสบอกความฝันข้อที่ ๕ เถิด”





ความฝันข้อที่ ๕



พระราชา
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันฝันเห็นม้าตัวหนึ่ง มีปากสองข้าง

ฝูงชนพากันให้หญ้าที่ปากทั้งสองของมัน มันกินหญ้าด้วยปากทั้งสองข้างนั้น ความ

ฝันข้อที่ ๕ นี้จะมีผลเป็นอย่างไรพระเจ้าข้า”



พระบรมศาสดา
“มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะมีในสมัยของพระราชาที่

ไม่ตั้งอยู่ในธรรม ในอนาคตพระราชาผู้โง่เขลาจะแต่งตั้งคนโลเลไม่ตั้งอยู่ในธรรม

ให้ดำรงตำแหน่งวินิจฉัยคดีความ ผู้วินิจฉัยโง่เขลานั้น ไม่สนใจบาปหรือบุญ เมื่อ

จะให้คำตัดสิน ก็จะรับสินบนจากคู่คดีทั้งสองฝ่าย เหมือนม้ากินหญ้าจากปากทั้ง

สอง ไม่มีภัยแก่มหาบพิตรเลย เชิญตรัสบอกความฝันข้อที่ ๖ เถิด”





ความฝันข้อที่ ๖



พระราชา
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันฝันเห็นมหาชนพากันขัดถูถาด

ทองคำราคาตั้งแสนกหาปณะ แล้วพากันนำไปให้สุนัขจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่งกล่าวว่า “เชิญท่านปัสสาวะใส่ถาดทองนี้เถิด สุนัขจิ้งจอกแก่นั้นก็ปัสสาวะใส่ถาดทองนั้น

ฝันนี้จะมีผลเป็นอย่างไรพระเจ้าข้า”




พระบรมศาสดา
“มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะมีในอนาคต ในสมัย

ของพระราชาผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม พระราชาเหล่านั้นทรงรังเกียจบุคคลผู้มีตระกูลสูง

ไม่พระราชทานยศให้ แต่พระราชทานให้แก่คนที่มีตระกูลต่ำทราม พวกตระกูล

ใหญ่ๆ จะตกยากมีชีวิตฝืดเคืองจะพากันยกธิดาให้แก่คนที่มีตระกูลต่ำ การอยู่

ร่วมกับพวกคนตระกูลต่ำของธิดาเหล่านั้น ก็เหมือนกับถาดทองรองรับปัสสาวะ

สุนัขจิ้งจอก เชิญพระองค์ตรัสเล่าความฝันข้อที่ ๗ เถิด”





ความฝันข้อที่ ๗



พระราชา
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันฝันเห็นบุรุษคนหนึ่งฟั่นเชือก

แล้วหย่อนปลายเชือกลงไปตรงใกล้ๆ เท้า แม่สุนัขจิ้งจอกผอมโซตัวหนึ่งนอนอยู่ใต้

เตียงที่เขานั่งจึงกัดกินเชือกนั้น โดยที่บุรุษนั้นไม่รู้เลย ความฝันนี้จะมีผลอย่างไรพระ

เจ้าข้า”



พระบรมศาสดา
“มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะมีในอนาคต ในกาลข้าง

หน้า พวกผู้หญิงจะพากันโลเลลุ่มหลงในผู้ชาย เอาแต่แต่งตัว ชอบดื่มสุรา เที่ยวเตร่

ไปตามถนน เห็นแก่เงิน ทุศีล มีความประพฤติชั่วช้า แย่งชิงเอาทรัพย์ที่สามีหามาได้

ด้วยความยากลำบาก เอาไปซื้อเหล้าดื่มกับชายชู้ เหมือนสุนัขจิ้งจอกผอมโซที่คอย

กินเชือกที่เขาฟั่นหย่อนลงไว้ใกล้ๆ เท้า เชิญพระองค์ตรัสเล่าความฝันข้อที่ ๘ เถิด”





ความฝันข้อที่ ๘



พระราชา
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันฝันเห็นตุ่มน้ำมีน้ำเต็มเปี่ยมลูกใหญ่

ใบหนึ่งตั้งอยู่ที่ประตูพระราชวัง ล้อมด้วยตุ่มเปล่าเป็นจำนวนมาก ผู้คนทุกชนชั้น

พากันเอาหม้อตักน้ำมาจากทิศทั้ง ๔ เทใส่ตุ่มที่เต็มแล้วนั้น น้ำก็ไหลล้นไป แต่คนเหล่า

นั้นก็ยังเทน้ำใส่ตุ่มนั้นอยู่เรื่อยๆ ไม่มีผู้ใดเหลียวแลตุ่มที่ว่างๆ เลย ผลของความฝันนี้

จะเป็นอย่างไรพระเจ้าข้า”



พระบรมศาสดา
“มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะมีในอนาคต ในกาลข้างหน้า

ประเทศชาติจะหมดความหมาย พระราชาจะตกยาก จะเกณฑ์ให้ชาวชนบททำการ

เพาะปลูกให้ตนเอง ชาวชนบทจะช่วยกันขนข้าวเปลือกและธัญพืชมาบรรจุไว้ใน

ยุ้งฉางของพระราชา ไม่เหลียวแลยุ้งฉางของตน เช่นเดียวกับการเติมน้ำใส่ตุ่มที่เต็ม

แล้ว ไม่เหลียวแลตุ่มที่ว่างเปล่าเลย เชิญพระองค์ตรัสเล่าความฝันข้อที่ ๙ เถิด”





ความฝันข้อที่ ๙



พระราชา
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันฝันเห็นสระโบกขรณีมีน้ำลึก เต็ม

ไปด้วยบัว ๕ สี มีท่าขึ้นลงรอบด้าน ฝูงสัตว์พากันลงดื่มน้ำโดยรอบ น้ำที่กลางสระ

กลับขุ่นมัว แต่น้ำที่ขอบสระโดยรอบที่ถูกฝูงสัตว์เหยียบย่ำกลับใสสะอาด ผลของ

ความฝันนี้จะเป็นอย่างไรพระเจ้าข้า”



พระบรมศาสดา
“มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะมีในอนาคตเหมือนกัน ใน

กาลข้างหน้า พระราชาจะไม่ตั้งอยู่ในธรรม เห็นแก่สินบน มีความลำเอียง ตัดสิน

ความโดยไม่ชอบธรรม ไร้ความเมตตา ไม่มีความอดทน ขูดรีดภาษีจากประชาชน

เหมือนเครื่องยนต์หีบอ้อย พวกชาวเมืองถูกเก็บภาษีมากเข้าไม่มีอะไรจะให้ จึง

อพยพไปอยู่ปลายแดน ศูนย์กลางจะว่างเปล่า ชายแดนจะแน่นหนา เหมือนน้ำ

ที่กลางสระขุ่น น้ำที่ฝั่งรอบๆ กลับใส เชิญพระองค์ตรัสเล่าความฝันข้อที่ ๑๐ เถิด”





ความฝันข้อที่ ๑๐



พระราชา
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันฝันเห็นข้าวสุกที่คนหุงในหม้อใบ

เดียวกันแท้ๆ แต่กลับไม่สุกทั่วถึงกัน คนหุงตรวจดูแล้วจึงแยกกันไว้เป็น ๓ ส่วน

ส่วนหนึ่งแฉะ ส่วนหนึ่งดิบ อีกส่วนหนึ่งสุกดี ผลของความฝันนี้จะเป็นอย่างไร

พระเจ้าข้า”



พระบรมศาสดา
“มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะมีในอนาคตเหมือนกัน ใน

กาลข้างหน้า พระราชาจะไม่ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อพระราชาไม่ตั้งอยู่ในธรรม ข้าราชการ

สมณะ พราหมณ์ และชาวประชาก็จะไม่ตั้งอยู่ในธรรม ลมจะพัดแรงจัด ทำให้วิมาน

ในอากาศของเทวดาสั่นสะเทือน พวกเทวดาก็จะโกรธทำให้ไม่ฝนตก หรือทำให้ตก

ก็ ไม่สม่ำเสมอ ข้าวกล้าส่วนหนึ่งเสียเพราะฝนชุก ส่วนหนึ่งดีเพราะฝนตกดี อีกส่วน

หนึ่งเหี่ยวแห้งเพราะฝนแล้ง เหมือนข้าวสุกในหม้อเดียวกันแบ่งเป็นสามส่วน

เชิญพระองค์ตรัสเล่าความฝันข้อที่ ๑๑ เถิด”





ความฝันข้อที่ ๑๑



พระราชา
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันฝันเห็นคนทั้งหลายเอาแก่นจันทร์

มีราคาตั้งแสนกหาปณะขายแลกกับนมเปรี้ยวเน่าๆ นี้เป็นฝันข้อที่ ๑๑ ของหม่อมฉัน

จะมีผลเป็นอย่างไรพระเจ้าข้า”



พระบรมศาสดา
“มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะมีในอนาคตเหมือนกัน ใน

กาลข้างหน้า เมื่อศาสนาของตถาคตเสื่อมลงแล้ว พวกภิกษุอลัชชีเห็นแก่ลาภมีมาก

ขึ้น จะแสดงธรรมที่มีค่าควรแก่พระนิพพานเพื่อแลกทรัพย์สินเงินทอง เหมือนคน

ทั้งหลายเอาแก่นจันทร์มีราคาตั้งแสนไปขายแลกนมเปรี้ยวเน่าๆ เชิญพระองค์ตรัส

เล่าความฝันข้อที่ ๑๒ เถิด”





ความฝันข้อที่ ๑๒



พระราชา
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันฝันเห็นน้ำเต้าจมน้ำได้ จะมีผล

เป็นอย่างไรพระเจ้าข้า”



พระบรมศาสดา
“มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะมีในอนาคตเหมือนกัน ใน

กาลข้างหน้า เมื่อโลกเสื่อมลง พระราชาไม่ตั้งอยู่ในธรรม จะไม่พระราชทานยศแก่คน

ที่มีตระกูลสูง พระราชทานแก่ผู้ทีมีตระกูลต่ำทราม พวกต่ำทรามก็จะเป็นใหญ่ พวก

ตระกูลสูงจะยากจน คำพูดของพวกตระกูลต่ำทรามจะเป็นหลักฐานมั่นคง เหมือนน้ำ

เต้าจมน้ำ เชิญพระองค์ตรัสเล่าความฝันข้อที่ ๑๓ เถิด”





ความฝันข้อที่ ๑๓



พระราชา
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันฝันเห็นศิลาแท่งทึบใหญ่ขนาด

เท่าบ้านเรือน ลอยน้ำได้เหมือนเรือ จะมีผลเป็นอย่างไรพระเจ้าข้า”



พระบรมศาสดา
“มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะมีในอนาคตเหมือนกัน ใน

กาลข้างหน้า พระราชาจะพระราชทานยศแก่คนที่ตระกูลต่ำทราม พวกนั้นจะเป็น

ใหญ่ พวกตระกูลสูงก็จะตกยาก ไม่มีใครเคารพยำเกรง แต่ผู้คนจะทำความเคารพ

พวกที่เป็นใหญ่ฝ่ายเดียว คำพูดของบัณฑิต ผู้หนักแน่นดังศิลาแท่งทึบจะเลื่อน

ลอยไร้ความหมาย เหมือนศิลาแท่งทึบแต่กลับลอยน้ำได้ เชิญพระองค์ตรัสเล่าความ

ฝันข้อที่ ๑๔ เถิด”





ความฝันข้อที่ ๑๔



พระราชา
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันฝันเห็นฝูงเขียดตัวเล็กๆ ขนาด

ดอกมะซาง วิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่ๆ กัดงูเห่าขาดเป็นท่อนเหมือนตัดก้านบัว

แล้วกลืนกิน จะมีผลเป็นอย่างไรพระเจ้าข้า”



พระบรมศาสดา
“มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะมีในอนาคตเหมือนกัน

ในกาลข้างหน้า เมื่อโลกเสื่อมลงผู้คนจะมีราคะแรงกล้า ปล่อยตัวปล่อยใจตาม

อำนาจกิเลส ตกอยู่ใต้อำนาจภรรยาเด็กๆ ของตน พวกนางจะครอบครอง ทรัพย์

สินทั้งหมด เมื่อสามีถามถึงเรื่องทรัพย์สินเงินทอง พวกนางก็จะด่าว่าเอา กดไว้ใต้

อำนาจดังทาสและคนรับใช้ เหมือนฝูงเขียดกินฝูงงูเห่าซึ่งมีพิษร้าย เชิญพระองค์

ตรัสเล่าความฝันข้อที่ ๑๕ เถิด





ความฝันข้อที่ ๑๕

 
พระราชา “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันฝันเห็นฝูงพญาหงส์ทอง ซึ่งมีขนสีทองพา

   
    กันแวดล้อมกาที่ชั่วช้าที่หากินตามบ้านเรือน จะมีผลเป็นอย่างไรพระเจ้าข้า”
 
พระบรมศาสดา “มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะมีในอนาคตยุคของพระราชาที่เป็น
    
    คนพาล ในกาลข้างหน้า พระราชาทั้งหลายจะไม่ฉลาดในศิลปวิทยา ทั้งไม่เชี่ยวชาญในการรบ 
   
    ไม่พระราชทานความเป็นใหญ่ให้แก่คนที่มีชาติตระกูล แต่พระราชทานให้แก่พวกพนักงานถวาย

    
    เครื่องสรงและพวกกัลบก (ช่างตัดผมของพระราชา) พวกคนที่มีชาติตระกูลเมื่อไม่ได้ที่พึ่งในราช

    
   สำนัก ก็จะมีชีวิตฝืดเคือง ต้องปฏิบัติบำรุงพวกที่มีตระกูลต่ำทรามที่มียศมีอำนาจ เหมือนฝูงพญา
  
    หงส์ทองเป็นบริวารแวดล้อมกา เชิญตรัสเล่าความฝันที่ ๑๖ ต่อไปเถิดมหาบพิตร”
 
 

            ความฝันข้อที่ ๑๖
 
พระราชา “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันฝันเห็นฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลืองกัด
   
    กินอย่างเมามัน พวกเสือดาว และเสือโคร่งเห็นฝูงแกะอยู่ห่างๆ ก็สะดุ้งกลัว พากันวิ่งหนีหลบ
   
    เข้าพุ่มไม้และป่ารกซุกซ่อนตัวเพราะกลัวฝูงแกะ จะมีผลเป็นอย่างไรพระเจ้าข้า”
 
พระบรมศาสดา มหาบพิตร ผลของความฝันนี้จะมีในยุคของพระราชาที่เป็นคนพาล 
  
    ในกาลข้างหน้า พวกที่มีตระกูลต่ำทรามจะได้เป็นราชวัลลภ (พวกทหารรับใช้ใกล้ชิด) มียศตำ
   
   แหน่งสูง พวกที่มีตระกูลสูงจะอับเฉาตกยาก พวกราชวัลลภจะทำให้พระราชาเชื่อถือคำพูด
   
   ของตนแล้วพากันยึดเอาที่ดินของพวกที่มีตระกูลสูง เมื่อพวกเจ้าของที่ดินมาฟ้องร้องที่ศาล พวก
    
   ราชวัลลภก็จะข่มขู่คุกคามเฆี่ยนตี จับคอใสออกไป พวกมีตระกูลสูงต่างเกรงกลัวยอมยกที่ดินให้
   
   หวาดผวากลับไปบ้านของตน

               แม้ภิกษุที่ชั่วช้าก็พากันเบียดเบียนพวกภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักตามชอบใจ พวกภิกษุผู้มีศีล
   
   เป็นที่รักไม่มีที่พึ่งพิงก็พากันหนีไปอาศัยอยู่ในป่า เหมือนพวกเสือดาวเสือโคร่งพากันหวาดกลับ
    
   หลบหนีฝูงแกะ 
 
ไม่มีภัยที่จะเกิดแก่พระองค์เพราะความฝันเป็นเหตุ แต่ความฝันทั้งหมดเนื่องถึงเหตุที่จะ
   
   เกิดในอนาคต พวกพราหมณ์ทำนายอย่างนั้นเพราะอยากจะได้ทรัพย์มากๆ มหาบพิตรจงรับสั่ง
  
   ให้เลิกบูชายัญ จงให้ทานชีวิตแก่มหาชนและสัตว์ทั้งหลายเสียเถิด
 
พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทรงฟังแล้วก็แจ่มแจ้ง หมดความลังเลสงสัย ทรงหายหวาดกลัว 
   
   รับสั่งให้เลิกการบูชายัญทั้งหมด ได้ทรงให้ชีวิตแก่คนและสัตว์ทั้งหลาย ชาวประชาต่างชื่นชมยินดี
 
http://www.dmycenter.com
 
 

 

วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คำทำนาย จากศิลาจารึกในมหาวิหารเจตมาหเชตะวัน ณ สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย โดยคณะฑูตไทยที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อปี พ.ศ.2485 ตามคำแปลเป็นภาษาไทย

มหันตภัย 9 คำทำนาย จากศิลาจารึกในมหาวิหารเจตมาหเชตะวัน ณ สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย โดยคณะฑูตไทยที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อปี พ.ศ.2485 ตามคำแปลเป็นภาษาไทย

ในกาลเวลานี้ เทพเจ้าเหล่าเทวดาผู้รักษาคุ้มครองโลกได้กราบทูลต่อพระอินทร์ว่ามนุษย์โลกทำบุญเพียง 3 ส่วน และทำบาปกรรมถึง 7 ส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้ องค์อินทร์จะสั่งลงโทษมนุษย์ผู้ใจบาป ถึง 9 ข้อ นับตั้งแต่ปีจอ ถึงปีกุน ดังนี้
1. จะให้เกิดพายุลมแรง แผ่นดินไหว
2. จะให้เกิดอัคคีภัย
3. จะให้เกิดอุทกภัย
4. จะเกิดฟ้าผ่า
5. จะเกิดร้อนเกินไป หนาวเกินไป
6. จะเกิดสารพิษต่าง ๆ
7. จะเกิดกาฬโรคต่าง ๆ
8. จะเกิดข้ายากหมากแพง
9. จะเกิดฆาตพยาบาทเบียดเบียนกันเอง
มหันตภัย 9 อย่างนี้ จะหลุดพ้นได้โดยเฉพาะผู้มีบุญ คนที่ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ถ้าเลยปีจอ ปีกุนไปแล้ว ทุกคนพร้อมทั้งลูกหลานจะได้รับความสุขกายสบายใจทุกคน ให้ทุกคนเคร่งครัดในศีล 5
ออกจากศิลาจารึกในมหาวิหารเจตมาหเชตะวัน ณ สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย โดยคณะฑูตไทยที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อปี พ.ศ.2485 ตามคำแปลเป็นภาษาไทย ว่าดังนี้
สาธุ อะระหังตา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระเมตตากรุณาสรรพสัตว์ทั่วโลก ที่เกิดมาแล้วแต่ลำบากทั่วหน้า ทุกชาติ ทุกศาสนาตามธรรมชาติ เมื่ออาตมาเข้านิพพานไปแล้วครบห้าพันปีเป็นที่สุด โลกจะหมุนไปใกล้จะถึงจำนวนที่ตถาคตทำนายไว้สองพันห้าร้อยปี มนุษยืและสัตว์จะได้รับภัยพิบัติเสียครั้งหนึ่งในระยะ 30 ปี สิ่งที่สาธุชนไม่เคยเจอะจะได้เห็น ไม่เคยพบจะได้พบ ยักษ์หินที่ถูกสาปให้หลับกลับตื่นขึ้นมาอาละวาดยิ่งนัก ใกล้กับ พ.ศ.2550 ยิ่งทวีกันใหญ่ขึ้นทุกทิวาราตรี มนุษย์นอกศาสนาจะรบราฆ่าฟันกันจนถึงเลือดนองเต็มพื้นดิน พื้นน้ำจะลุกลามเผามนุษย์ไม่ขาดระยะ ต่างฝ่ายต่างทำลายเหมือนยักษ์กระหายเลือด แผ่นดินจะเป็นเปลวไฟจะตายไปอย่างละครึ่งหนึ่งจึงจะเลิกล้ม ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกันตามวิสัยยักษ์ร้ายนอกศาสนา ซึ่งถือกำเนิดจากป่าอำมหิต ส่วนพุทธศาสนิกชนผู้ทำแต่บุญเดินตามทางตถาคต สามารถระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านใดได้บูชาพระโพธิสัตว์ ผ้ากาวสวพัตร์ ก็จะรับภัยพิบัติเบาบางแต่หนีภัยธรรมชาติไม่พ้น ไฟจะลุกลามมาทางทิศตะวันออกไหม้วัดวาอาราม สมณะชีพราหมณ์ จะอดอยากยากเข็น ลูกไฟจะตกจากฟ้า เหล็กกล้าจะผุดจากน้ำ สงครามจะเกิดทั่วทิศ พระยานาคจะพ่นพิษเป็นเพลิง ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวสารจะขาดแคลน ทุกแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมดเปลือง สีเหลืองจะชนะ พระยังอยู่คู่บ้านเมืองต่อไป สีขาวจะแพ้ภัยในที่สุด ครุฑจะบินกลับฐาน คนจะกลับบำรุง พระพุทธเจ้าว่าดังนี้ ชา ตะ มะ สะ ละ วา พรุพุทธชินลิตนี้ท่านให้เขียนใส่กระดาษ หรือผ้าขาวติดไว้หน้าบ้านหรือหัวนอน ดังนี้ จะมีอายุยืนยาว จะทันผู้มีบุญชื่อ พระยาธรรมิกราชา เมื่อแรกสถิตอยู่เขตอยุธยา บัดนี้ส่วนเสด็จอยู่ลานช้าง (ภาคอีสานในปัจจุบัน) พระธรรมิกราชา เข้ามาปีกุน เดือน 11 เป็นเที่ยงแท้หนักหนา ท่านเสด็จมาในปีระกา แรม 5 ค่ำ มหากษัตริย์มาทางทิศตะวันตก สมณะชีพราหมณ์ตามมาพอประมาณได้ 76,400 รูป ทั่วอาณาจักร สมเด็จพระบรมนักปราชญ์ได้ประกาศคาถาว่า ดังนี้ นะสัจจัง ทะ คะยังมะสำคำปัง คอยดูในปีมะโรง คนจะเดินโก่งโคง คลาน ผู้ใดอยากพบผู้มีบุญ ชื่อ พระยาธรรมิกราช ให้ภาวนา ให้หมั่นรักษาศีล สดับรับฟังพระธรรมเทศนา คอยดูปีมะเส็งตลิ่งจะพัง มหาสมุทรจะชอกช้ำ อย่าเที่ยวไปกลางแจ้ง ท่านเข้ามาปีกุน เดือน 8 เป็นเที่ยงแท้ ผู้ใดไม่เชื่อจะรับอันตราย คอยดูในปีจอ คนจะพ้นภัย สะโรนะกา โททายะโม พุทธะตะยะ ภาวนาทุกเช้าค่ำ ผู้น้ำจะมีอายุยืนนานจะได้เห็นพระธรรมมิกราช (พระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตย) ในปีกุนท่านจะเข้ามาอีก ถ้าไม่เห็นหนังสือบ้านใด ผู้นั้นจะได้รับอันตรายรู้แล้วให้บอกต่อกันด้วย
คำเตือน โลกมนุษย์กำลังจะเข้าสู่กาลียุค จะทำให้เกิดภัยธรรมชาติจาก ดิน น้ำ ลม ไฟ จะเกิดมหาสงครามโลกครั้งที่สามตามมา มนุษย์จะตายไปกว่าครึ่ง
สำหรับประเทศไทย จะเริ่มเกิดตั้งแต่ปี 2550 คาดว่าจะได้ภัยทางน้ำและไฟ โดยเฉพาะจังหวัดที่ติดชายทะเลและกรุงเทพฯ แผ่นดินจะยุบตัว คลื่นน้ำจะพัดเข้าถล่มความสูง 200 เมตร มนุษย์จะล้มตายมากว่าครึ่ง น้ำจะเข้าช่องแคบสระบุรี และด้านตอนล่างของโคราชบางส่วน ภัยพิบัติจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ สุดท้ายประเทศไทยจะเหลือประชากรประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์
ส่วนประเทศอื่นทั่วโลกจะเหลือเพียงสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น บุคคลที่รอดชีวิตส่วนมากก็จะสูญเสียสติสัมปชัญญะ ไม่ปลอดภัยเหมือนเมืองที่นับถือพระพุทธศาสนาเพราะไม่เข้าใจบำเพ็ญณานภาวนา ฉะนั้นอย่าหลงไหลในทรัพย์สินขอบตนเองให้มากนักเพราะเมื่อเข้ายุคศิวิไล เงิน ทอง จะไม่มีค่าเลยเพราะมนุษย์ยุคนั้นวัดกันที่ความดี ศีลธรรม บุญกุศลเท่านั้น ปีมะโรง พ.ศ.2555
ปีมะเส็ง พ.ศ.2556
ปีระกา พ.ศ.2560
ปีกุน พ.ศ.2562

http://bbs.playpark.com/topic/129503-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2/

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คำทำนายของนอสตราดรามูสที่น่าสนใจ(คัดมาจากหลายที่)

คำพยากรณ์ที่ 1 : พยากรณ์สถานการณ์ในปัจจุบัน


Les fleaux passes diminue le monde,
Longtemps la paix terres inhabitees;
Sur marchera ciel, terre, mer et onde,
Puis de nouveau les guerres suscitees. (l,63)





















http://www.oknation.net/blog/print.php?id=111727




http://www.oknation.net/blog/print.php?id=111727